พาเที่ยวตุรกี TURKEY ตอนที่ 5 Istanbul – ช็อปปิ้งตลาดสไปซ์มาเก็ต Spice Market – ชมพระราชวังทอปกาปิ Topkapi Palace
เดินทางเข้าสู่งเมืองแห่งสีสัน Istanbul – ช็อปกระจายที่ตลาดสไปซ์มาเก็ต Spice Market – แวะชมพระราชวังทอปกาปิ Topkapi Palace
เข้าสู่วันที่ 7 แล้วสำหรับเรา เราว่ากรุงอังคาร่า เมืองหลวงของตุรกี ดูเป็นเมืองที่วุ่นวายและดูน่ากลัวในความรู้สึก แต่ก็ไม่รู้นะอาจเป็นเพราะแค่ได้ไปแวะพักนอนเท่านั้น ถ้าอยู่หลายๆวันอาจชอบก็ได้(มั้ง) พวกเราแวะนอนที่นี่เท่านั้น เพื่อที่เช้าวันนี้ จะได้ออกเดินทางเข้าอิสตันบลู (นั่งรถประมาณ 5 ชม.) หลับบ้าง ชมวิวบ้าง สลับกันไปก็เพลิน ๆ ดีครับ ระหว่างทางไกด์กุ๊กไก่คนสวย ก็ประกาศเตือนเรื่องการระวังมิจฉาชีพ เวลาที่เดินเล่นเพลิน ๆ ที่อิสตันบลู เพราะมีอยู่เหมือนกันและทำงานกันเป็นทีมที่ว่องไวมาก ๆ เมื่อพวกเราไปถึงกรุงอิสตันบลู ก็ระมัดระวังกระเป๋ากันเป็นอย่างดี
จุดแรกที่ไปกันก็คือ ตลาดสไปซ์มาร์เกต Spice Market หรือตลาดเครื่องเทศ ที่นี่จะได้ช็อปปิ้งกันอย่างจุใจ ซื้อของฝากก็ที่นี่ได้เลย แต่อย่าลืมในการต่อราคา ของที่หาซื้อได้ที่นี่มีตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ อาทิ โคมไฟระย้าลวดลายตุรกี๊ตุรกี, กาแฟตุรกี ซึ่งกาแฟตุรกีนั้นต้องดื่มและชงจากถ้วยกาแฟขนาดเล็ก ดังนั้นอาจจะต้องซื้อทั้งกาแฟและถ้วยกาแฟพร้อมกันไปด้วยเลย แนะนำยี่ห้อ KURUKAHVECi (KAHVESI) เพราะคนชอบซื้อมากสุด, Turkish Delight ขนมตุรกีขึ้นชื่อ เป็นขนมหวานโบราณดั้งเดิม ทำขึ้นจากแป้งและน้ำตาล มีเกือบทุกร้านราคาแตกต่างกันไป อย่าถามว่าร้านไหนดี ร้านไหนถูก เพราะนี่ก็เข้าร้านมั่วเหมือนกัน แต่ชิมแล้วว่าอร่อยก็เลยซื้อมาเลย ที่นี่เขาให้ชิมได้ ชิมไปเลยอย่ากลัว เพราะไม่อย่างนั้นเราก็อาจจะไม่ได้ของที่ถูกใจก็เป็นได้, ส่วนอันนี้ของฝากยอดฮิต The Blue Evil Eye เครื่องรางที่ชาวตุรกีใช้กัน ทำออกมาในรูปแบบของเครื่องประดับ พวงกุญแจ ฯลฯ เชื่อกันว่าให้โชคดี มีเสน่ห์ นี่ก็เลยจัดมาเพียบ, สารพัดชา, ชุดน้ำชา ชุดกาแฟ, ครีมทามือ, สบู่ ฯลฯ และถ้าเดินมาด้านนอกข้างถนน ก็จะมีทั้งเนยสด และ ปลาสด ๆ ขายอีกด้วย แต่บริเวณตลาดสไปซ์คนจะเยอะมาก ความระมัดระวังจึงต้องคูณสอง เพราะเราไม่รู้ใครเป็นใครบ้าง บริเวณใกล้กันจะมีสะพานข้ามแม่น้ำ คนจะมายืนตกปลากันจำนวนมาก วิวก็สวยดีนะ ถึงเมืองนี้จะวุ่นวายแต่ก็ชอบ เพราะรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ดี เข้าโรงแรมที่พักนอนคืนที่ 6 สำหรับที่อิสตันบลู เราจะนอนที่โรงแรมเดียวกัน 2 วันติด ก็เลยไม่ต้องเก็บกระเป๋า เพราะเรายังต้องเที่ยวอีก 1 วันครึ่ง
วันที่ 8 ตามโปรแกรมจะเที่ยว “อิสตันบลู” กันทั้งวัน เดินเยอะ เพราะฉะนั้นเสื้อผ้า หน้าผม รองเท้าต้องพร้อม เพราะวันนี้เดินเยอะจริง ๆ เริ่มต้นของวันที่ พระราชวังทอปกาปิ (Topkapi Palace) สร้างในสมัย สุลต่าน เมห์เมต ที่ 2 หรือ เมห์เมต ผู้พิชิต ภายหลังที่ทรงตีกรุงคอนสแตนติโนเบิล หรือ อิสตันบูล ในปัจจุบัน ได้แล้ว ทรงมีพระราชประสงค์ ที่จะให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรออตโตมัน จึงโปรดให้มีการสร้างพระราชวังนี้ขึ้นเป็นที่ประทับอย่างถาวร พระราชวังแห่งนี้มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่กินเนื้อที่เกือบ 700,000 ตารางเมตร ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงตามแนวฝั่งทะเลมารม์าร่า เรื่อยไปจนถึงโกลเดนฮอร์น เพื่อเป็นป้อมปราการกันข้าศึกจากทะเล ภายในพระราชวังกลายเป็นพิพิธภัณฑส์ถานแห่งชาติ ที่ใช้เก็บสมบัติมหาศาลล้ำค่า เช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่านในแต่ละยุคสมัย
พระราชวังทอปกาปิ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ พระราชวังชั้นนอก เป็นสถานที่ออกว่าราชการ รับแขกเมือง / พระราชวังชั้นใน เป็นที่พำนักของมเหสี สนม นางใน ผู้ชายห้ามเข้า และส่วนที่สามคือ “ฮาเร็ม” ส่วนที่พักอาศัยของผู้หญิงที่มาในฐานะเครื่องบรรณาการ หรือเชลยศึก โดยผู้หญิงที่เข้ามาอยู่ในฮาเร็มจะกลับออกไปไม่ได้อีกแล้ว แต่จะได้เรียนรู้ฝึกอบรมความสามารถ วิธีเอาใจสุลต่าน เพียงเพื่อโอกาสก้าวสู่จุดสูงสุดของชีวิต เพราะถ้าหากสุลต่านพอใจและมีลูกชายให้เขาได้ หญิงเหล่านั้นก็จะได้เลื่อนฐานะเป็น “ฮาเซคีสุลต่าน” (Haseki Sultan)
ปัจจุบัน พระราชวังทอปกาปิ คือพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ตามคำแถลงของรัฐบาล เมื่อปี ค.ศ. 1924 และที่สำคัญพระราชวังแห่งนี้ ยังเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ประวัติศาสตร์ของอิสตันบูลที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1985 อีกด้วย